วิธีการสอนคณิตศาสตร์สำหรับเด็กปฐมวัย (วันอังคาร)
EAED2203การจัดประสบการณ์คณฺิตศาสตร์สำหรับเด็กปฐมวัย
แฟ้มสะสมผลงานรายวิชาการจัดประสบการณ์คณิตศาสตร์ ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2562
วันศุกร์ที่ 1 พฤษภาคม พ.ศ. 2563
วันพุธที่ 29 เมษายน พ.ศ. 2563
บันทึกการเรียนครั้งที่ 13
วันจันทร์ ที่ 27 เมษายน พ.ศ.2563
เวลา 08:30 - 12:30 น.
เนื้อหาที่เรียน
ในสัปดาห์นี้อาจารย์ก็ได้มาอธิบายแผนอีกครั้งและบอกการแก้ไขงานอีกรอบหนึ่งอย่างละเอียดและถ้านักศึกษาไม่เข้าใจตรงไหนหรือจะปรับเปลี่ยนตรงไหนอาจารย์ก็ให้ถามได้เลยและอาจารย์ก็จะบอกและอธิบายให้ฟัง
และอาจารย์ยังให้เตรียมอุปกรณ์ในการอัดคลิปสอน
กระดาษA4 2แผ่นต่อกัน ปากกาสี ดินสอ และอัดคลิปสอนในแผนวันอังคารด้วย
กระดาษA4 2แผ่นต่อกัน ปากกาสี ดินสอ และอัดคลิปสอนในแผนวันอังคารด้วย
คำศัพท์ภาษาอังกฤษ
บันทึกการเรียนครั้งที่ 12
วันจันทร์ ที่ 20 เมษายน พ.ศ.2563
เวลา 08:30 - 12:30 น.
เนื้อหาที่เรียน
สัปดาห์นี้อาจารย์ให้ร้องเพลงเกี่ยวกับคณิตศาสตร์
เพลงสวัสดีคุณครู
สวัสดีคุณครูที่รัก หนูจะตั้งใจอ่านเขียน
ยามเช้าเรามาโรงเรียนๆ หนูจะพากเพียรขยันเรียนเอย
เพลงหนึ่งปีมีสิบสองเดือน
หนึ่งปีนั้นมีสิบสองเดือน อย่าลืมเลือนจำไว้ให้มั่น
หนึ่งสัปดาห์นั้นมีเจ็ดวัน หนึ่งสัปดาห์นั้นมีเจ็ดวัน
อาทิตย์ จันทร์ อังคาร พุธ พฤหัสบดี ศุกร์ เสาร์
และอาจารย์ก็ยังมาทบทวนเรื่องการเขียนแผนให้ฟัง
และอาจารย์ก็ยังให้อัดคลิปสอนให้เตรียมอุปกรณ์ที่จะให้สอนเป็นตัวอย่าง มี อุปกรณ์ เเละขั้นตอนการสอนดั้งนี้ เอากระดาษตัดเป็นวงกลมเขียนเลข 9 ติดไว้กับไม้ ข้าวสารใส่ในเเก้ว กระดาษเอ 4 ปากกา ดินสอ
คำศัพท์ภาษาอังกฤษ
paper กระดาษ
read
อ่าน
room ห้อง
size
ขนาด
study เรียน
ประเมินอาจารย์ อาจารย์สอนดีมากและก็ถามทุกรอบว่าเข้าใจไหมอธิบายชัดเจน
ประเมินเพื่อน สนใจฟังและทำงานที่อาจารย์มอบหมายได้ดี
ประเมินตนเอง สนใจฟังที่อาจารย์สอน
บันทึกการเรียนครั้งที่ 11
วันจันทร์ ที่ 13 เมษายน พ.ศ. 2563
เวลา 08:30-12:30
เนื้อหาที่เรียน
ในสัปดาห์นี้อาจารย์ให้ดูการจัดกิจกรรมมุมคณิตศาสตร์ในห้องเรียนเกี่ยวกับจำนวน การนับ รูปเรขาคณิต จัดเตรียมสื่อตัวเลข จัดเตรียมสื่อการเรียนรู้ เช่น ชิ้นส่วน รูปเรขาคณิต และมุมต่างๆเกี่ยวกับคณิตศาสตร์และยังสอนเกี่ยวกับแผนการจัดประสบการณ์เพื่มเต็มอีก
คำศัพท์ภาษาอังกฤษ
idea
ความคิด
learn เรียนรู้
main สำคัญ
mark เครื่องหมาย
notice สังเกต
ประเมินอาจารย์ สอนอย่างชัดเจนให้นักศึษาเข้าใจ
ประเมินเพื่อน ฟังสนใจที่อาจารย์สอนและไม่เล่นกัน
ประเมินตนเอง สนใจฟังที่อาจารย์และอธิบาย
บันทึกการเรียนครั้งที่ 10
วันจันทร์ ที่ 30 มีนาคม พ.ศ. 2563
เวลา 08:30-12:30 น.
เนื้อหาที่เรียน
ในสัปดาห์นี้อาจารย์ได้ดูงานและอธิบายงานให้ฟังอีกรอบและให้ไปแก้ไขปรับเปลี่ยนแผนในแต่ล่ะวันใหม่อีกครั้งให้ถูกต้อง
คำศัพท์ภาษาอังกฤษ
air อากาศ
between ระหว่าง
change เปลี่ยน
form รูปแบบ
hour ชั่วโมง
ประเมินอาจารย์ อาจารย์สอนอธฺิบายให้เราเกิดความเข้าใจล่ะมาแก้ไขงานได้ดีขึ้น
ประเมินเพื่อน ตั้งใจฟังงานที่อาจารย์อธิบายอีกรอบ
ประเมินตนเอง ตั้งใจฟังงานที่อาจารย์อธิบายอีกรอบ
วันเสาร์ที่ 25 เมษายน พ.ศ. 2563
บันทึกการเรียนครั้งที่ 9
วันจันทร์ ที่ 23 มีนาคม พ.ศ. 2563
เนื้อหาที่เรียน
ตัวอย่างแผนการจัดประสบการณ์วันพุธด หน่วยมะละกอ
วัตุประสงค์
เพื่อให้เด็กสามารถ
1.บอกลักษณะการเจริญเติบโตของต้นมะละกอได้
2.บอกวิธีการบำรุงต้นมะละกอได้
3.บอกลำดับขั้นตอนการดูแลต้นมะละกอได้
สาระที่ควรเรียนรู้
ให้เด็กได้รู้ถึงวิธีการดูแลรักษาต้นมะละกอกิจกรรมการเรียนรู้
ขั้นนำ
1.ครูนำวิดีโอมาให้เด็กๆดูก่อนลงมือดูแลต้นมะละกอ
ขั้นสอน
1.ครูสนทนาและถามถึงเนื้อหาในวิดีโอ
2.ครูสนทนากับเด็กเรื่องการดูแลต้นมะละกอและพูดถึงประสบการณ์เดิมของเด็ก
3.ครูให้เด็กนำต้นมะละกอมาเรียงกันแล้วเปรียบเทียบว่าต้นไหนเล็กที่สุดและต้นใหญ่ที่สุ
ขั้นสรุป
1.ครูและเด็กสนทนาและสรุปเกี่ยวกับการดูแลต้นมะละกอ
สื่อ/แหล่งเรียนรู้
1.ภาพ/วิดีโอการดูแลรักษาต้นมะละกอ
2.ภาพอุปกรณ์ที่ใช้ในการดูแลต้นมะละกอ
3.ภาพ/วิดีโอการเจริญเติบโตของต้นมะละกอ
การวัดและประเมินผล
- สังเกตพฤติกรรมเด็กผ่านกิจกรรม
-ฟังจากการตอบคำถาม
การบูรณาการ
บันทึกการเรียนครั้งที่ 9
วันจันทร์ ที่ 23 มีนาคม พ.ศ. 2563
เนื้อหาที่เรียน
ตัวอย่างแผนการจัดประสบการณ์วันพุธด หน่วยมะละกอ
วัตุประสงค์
เพื่อให้เด็กสามารถ
1.บอกลักษณะการเจริญเติบโตของต้นมะละกอได้
2.บอกวิธีการบำรุงต้นมะละกอได้
3.บอกลำดับขั้นตอนการดูแลต้นมะละกอได้
สาระที่ควรเรียนรู้
ให้เด็กได้รู้ถึงวิธีการดูแลรักษาต้นมะละกอกิจกรรมการเรียนรู้
ขั้นนำ
ขั้นนำ
1.ครูนำวิดีโอมาให้เด็กๆดูก่อนลงมือดูแลต้นมะละกอ
ขั้นสอน
1.ครูสนทนาและถามถึงเนื้อหาในวิดีโอ
2.ครูสนทนากับเด็กเรื่องการดูแลต้นมะละกอและพูดถึงประสบการณ์เดิมของเด็ก
3.ครูให้เด็กนำต้นมะละกอมาเรียงกันแล้วเปรียบเทียบว่าต้นไหนเล็กที่สุดและต้นใหญ่ที่สุ
ขั้นสรุป
1.ครูและเด็กสนทนาและสรุปเกี่ยวกับการดูแลต้นมะละกอ
สื่อ/แหล่งเรียนรู้
1.ภาพ/วิดีโอการดูแลรักษาต้นมะละกอ
2.ภาพอุปกรณ์ที่ใช้ในการดูแลต้นมะละกอ
3.ภาพ/วิดีโอการเจริญเติบโตของต้นมะละกอ
การวัดและประเมินผล
- สังเกตพฤติกรรมเด็กผ่านกิจกรรม
-ฟังจากการตอบคำถาม
การบูรณาการ
สรุปวิจัย
เรื่อง ทักษะพนฐานทางคณิตศาสตร์ของเด็กปฐมวัยที่ได้รับการจัดกิจกรรมศิลปะสร้างสรรค์จากวัสดุธรรมชาติ
ที่มา ปานิตา
กุดกรุง
ทักษะพื้นฐานทางคณิตศาสตร์ของเด็กปฐมวัยที่ได้รับการจัดกิจกรรมศิลปสร้างสรรค์จากวัสดุธรรมชาติกลุ่มตัวอย่างที่ใช่ในการวิจัยครั้งนี้เป็นเด็กปฐมวัยชาย-หญิง
อายุ 4-5 ปี ที่กำลังศึกษาอยู่ที่โรงเรียนวัดมะพร้าวเตี้ย สำนักงานเขตภาษีเจริญ
สังกัดสำนักการศึกษากรุงเทพมหานคร จำนวน 15คน
ซึ่งได้มาจากการสุ่มแบบหลายขั้นตอนผู้วิจัยเป็นผู้ดำเนินการทดลองด้วยตนเอง
โดยการทดลอง สัปดาห์ล่ะ 3วัน วันล่ะ50 นาที ร่วมระยะเวลาในการทดลอง 8 สัปดาห์
รวมทั้งสิน 24 ครั้ง
เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้ คือ แผนการจัดกิจกรรมศิลปสร้างสรรค์จากวัสดุธรรมชาติ และแบบทดสอบทักษะพื้นฐานทางคณิตศาสตร์ของเด็กปฐมวัย ซึ่งมีค่าความเชื่อมั่น
.864 ที่ผูกวิจัย สร้างขึ้น
แบบแผนการวิจัยเป็นการวิจัยเชิงทดลอง (Experimental Research) แบบ One
- Group Pretest - Posttest Design สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ขอมูลใช้ t -
test สําหรับ dependent samples ผลการวิจัยพบว่า ทักษะพื้นฐานทางคณิตศาสตร์ของเด็กปฐมวัยหลังได้รับการจัดกิจกรรม ศิลปสร้างสรรค์จากวัสดุธรรมชาติ สูงกว่าก่อนได้รับการจัดกิจกรรมศิลปสร้างสรรค์จากวัสดุธรรมชาติ อย่างมีนัยสําคัญทางสถิติที่ระดับ.01สรุปบทความ
เรื่อง เทคนิคการเรียนคณิตศาสตร์
ที่มา โดย ผศ.ดร.สมวงษ์ แปลงประสพโชค
เราเรียนคณิตศาสตร์ไปเพื่ออะไร
เป้าหมายสูงสุดของการเรียนคณิตศาสตร์ก็คือ การนำไปใช้ในชีวิตประจำวัน
และการนำไปใช้เป็นพื้นฐานการศึกษาวิชาชีพต่าง ๆ
หลายคนอาจสงสัยว่า ไม่เห็นต้องเรียนคณิตศาสตร์มากนัก
บวก ลบ คูณหารจำนวน เราก็มีเครื่องคิดเลขใช้แล้ว
นับว่าเป็นความเข้าใจผิด
คณิตศาสตร์มิใช่เพียงต้องให้คิดคำนวณเกี่ยวกับตัวเลขเท่านั้น
ในโลกยุคปัจจุบันเมื่อเราเรียนคณิตศาสตร์
เราควรได้คุณสมบัติต่อไปนี้จากการเรียน
1. ความสามารถในการสำรวจ
2. ความสามารถในการคาดเดา
3. ความสามารถในการให้เหตุผล
4. ความสามารถในการนำความรู้
ไปใช้แก้ปัญหาที่ไม่เคยพบได้อย่างมีประสิทธิภาพ
คุณสมบัตินี้เรียกว่า
ศักยภาพทางคณิตศาสตร์ ( Mathematical
Power )
ไม่ว่าเราจะมีอาชีพอะไรถ้าเรามีคุณสมบัตินี้
เรียกได้ว่าเป็นคนที่มีศักยภาพทางคณิตศาสตร์
การเรียนรู้คณิตศาสตร์
ถ้าเราถูกสอนโดยวิธีครูบอกความรู้ หรือเทคนิคลัด ๆ ให้ท่องจำ
นำไปใช้โดยปราศจากความเข้าใจ
ไม่รู้ที่มา ไม่รู้เหตุผล เราก็จะไม่ได้คุณสมบัติดังกล่าว
อะไรคือหัวใจสำคัญของคณิตศาสตร์
เมื่อเราเรียนคณิตศาสตร์ไปจนถึงระดับมัธยมศึกษา
เราควรได้สิ่งต่อไปนี้
1. มีความรู้ใน คำศัพท์ บทนิยาม หลักการ ทฤษฎีบท โครงสร้าง วิธีการ
2. มีความเข้าใจ ในความคิดรวบยอดจนสามารถอธิบายได้ หรือเขียนได้
หรือยกตัวอย่างได้
แปลงปัญหาจากรูปหนึ่งไปสู่รูปหนึ่งได้ ประมาณคำตอบได้ ระบุความสัมพันธ์ได้
ตรวจสอบผลที่เกิดได้
3. มีทักษะต่าง ๆ ดังนี้
ทักษะการแก้ปัญหา การนำความรู้ไปใช้ในชีวิตจริง การคิดอย่างมีเหตุผล การคิดคำนวณ
การวัด การประมาณ
การอ่านและแปลผลข้อมูล การนำเสนอข้อมูล การทำนาย และการใช้คอมพิวเตอร์
4. มีความสามารถในการวิเคราะห์และประยุกต์ใช้
เราจะมีวิธีเรียนคณิตศาสตร์อย่างไรให้ได้ดี
3. จัดเวลาสำหรับทบทวนสิ่งที่เรียนมา หรืออ่านล่วงหน้าสิ่งที่จะเรียนต่อไป และถ้าปฏิบัติตามที่กำหนดได้ควรให้
รางวัลตัวเอง เช่น ได้ขนม ได้เล่น ได้ฟังเพลง ดูทีวี ได้เล่นกีฬา เป็นต้นถ้าทำไม่ได้ตาม
กำหนดควรหาเวลาชดเชย
4. ทบทวนความรู้กับเพื่อน อย่าหวงวิชา
แบ่งปันความรู้อธิบายให้กันและกัน อย่าช่วยเหลือเพื่อนในทางที่ผิด เช่น
ทุจริตเวลาสอบ หรือให้ลอกงานโดยไม่เข้าใจ
5. ศึกษาด้วยตนเอง
มิใช่ต้องเรียนจากครูเพียงอย่างเดียว การศึกษาด้วยตนเองจากตำราหลายๆ เล่ม ต้องทำความเข้าใจจดสาระสำคัญต่าง ๆ ลงในโน้ตย่อ
จดสิ่งที่ไม่เข้าใจไว้ค้นคว้าต่อไป
ถ้าต้องการเชี่ยวชาญ คณิตศาสตร์ ต้องหมั่นหาโจทย์แปลกใหม่มาทำมาก ๆ
เช่นโจทย์แข่งขัน เป็นต้น
ทำไมเด็กส่วนใหญ่ไม่ชอบวิชาคณิตศาสตร์
พวกนี้ไม่ค่อยจะประสบผลสำเร็จในการทำแบบฝึกหัด
มักทำไม่ได้หรือทำผิดบ่อย ๆ จึงท้อแท้
เบื่อหน่าย และเกลียดในที่สุด
บางคนไม่ชอบเพราะครูสอนไม่เข้าใจ
สอนไม่สนุก ครูดุ จู้จี้ขี้บ่น ให้การบ้านเยอะ
ทางแก้อยู่ที่ครูจะต้องสำรวจว่าเด็กไม่ชอบคณิตศาสตร์เพราะอะไร
ครูต้องปรับปรุงการสอนทำของยากให้เป็นของง่าย
ทำของน่าเบื่อหน่ายให้น่าสนุก
และควรปรับปรุงบุคลิกให้ไม่ดุจนเกินไป
ไม่เจ้าระเบียบมากจนเกินเหตุ
การบ้านก็มีแต่พอควร
เลือกให้เด็กทำสิ่งที่สำคัญและจำเป็นก่อน
ถ้าเราเลือกครูไม่ได้
บังเอิญเราต้องเรียนกับครูที่สอนไม่รู้เรื่อง สอนไม่สนุก ดุ จู้จี้ขี้บ่น
เราต้องหาตำราหลาย ๆ
เล่มมาศึกษาค้นคว้าด้วยตนเอง เมื่อไม่เข้าใจให้ปรึกษาผู้รู้
ถามกันอธิบายกันในหมู่เพื่อน ๆ
เราต้องใช้ความอดทนมากขึ้น ในที่สุดเราจะพบว่า เราเป็นคนเก่งคนหนึ่ง
บทเรียนคณิตศาสตร์อะไรที่มีปัญหามากที่สุด
วิธีการเรียนเรื่องนี้ให้ได้ดี
ต้องเริ่มจากการทำความเข้าใจโจทย์เสียก่อน มีคำศัพท์อะไรที่เราไม่รู้จักหรือลืม
มีข้อความตอนใดที่เราไม่เข้าใจ
เราต้องทำความเข้าใจก่อน
โจทย์ถามอะไร
และโจทย์กำหนดอะไรมาให้บ้าง อาจวาดภาพช่วย อาจสร้างตารางช่วย
ขั้นต่อไปวางแผนแก้ปัญหา
และดำเนินการแก้ปัญหา และสุดท้ายเราต้องตรวจสอบคำตอบ
ขั้นตอนที่กล่าวมานี้ แนะนำโดย จอร์จ
โพลยา ได้รับความนิยมมากว่า 50 ปี
ที่สำคัญเราควรฝึกการแก้ปัญหาที่หลากหลาย
เพื่อสะสมประสบการณ์ยุทธวิธีการแก้ปัญหา
ตัวอย่างปัญหาในระดับมัธยมศึกษาที่เด็กในระดับประถมศึกษาก็แก้ได้
“ มีนกและหนูรวมกัน
15 ตัว นับขารวมกันได้ 40 ขา ถามว่ามีนกและหนูอย่างละกี่ตัว ”
เด็กระดับมัธยมศึกษาขึ้นไปมักจะใช้วิธีแก้สมการ
เด็กระดับประถมศึกษาจะใช้วิธีวาดภาพ หัว 15 หัว
แล้วเติมขาทีละ 2 ขา ได้ 30 ขา
เหลือขาอีก 10 ขา นำไปเติมจะได้หนู 5 ตัว
เด็กบางคนใช้วิธีลองผิดลองถูกเช่นสมมุติว่ามี
นก 7 ตัว มีหนู 8 ตัว แล้วคำนวณขาว่าได้ 40 ขา หรือไม่
ถ้าไม่ได้ก็ลดหรือเพิ่มจำนวนตัวสัตว์ไปเรื่อย
ๆ ก็จะพบคำตอบซึ่งอาจช้า
บางคนอาจสร้างตารางแจงนับทุกรูปแบบเริ่มตั้งแต่
นก 1 ตัว หนู 14 ตัว จนถึงนก 14 ตัว หนู 1 ตัว
แล้วตรวจสอบนับจำนวนขาจะได้คำตอบเช่นกัน
จากนั้นทบทวนวิธีการแก้ปัญหาจากโจทย์ปัญหา
โดยนึกว่าแผนการแก้ปัญหาสำหรับโจทย์ข้อนี้จะเป็นอย่างไร
แล้วตรวจสอบจากเฉลยที่เราทำแบบฝึกหัดไว้
เราไม่ต้องลงมือแก้ปัญหาจริง เพียงแต่คิดวิธีการ
โดยเฉพาะข้อยากเราต้องคิดก่อน
แต่ถ้าเรามีเวลามากเรา
ก็อาจทบทวนโดยลงมือแก้ปัญหาอีกครั้งก็จะทำให้เราได้ ฝึกฝนความแม่นยำ
ดังเช่นที่เกาส์นักคณิตศาสตร์ผู้ยิ่งใหญ่กล่าวไว้ในอดีตเท่านั้น
ปัจจุบันคณิตศาสตร์เป็นพื้นฐานของศาสตร์อีกหลายสาขา เช่น วิศวกรรมศาสตร์ เศรษฐศาสตร์ เกษตรศาสตร์
ฯลฯ
เราลองนึกภาพถ้าเรามีเกษตรกรที่เก่งคณิตศาสตร์
เราคงจะได้ปุ๋ยสูตรใหม่ ๆ
การกำจัดแมลงวิธีใหม่ หรือพืชพันธุ์ใหม่ที่มีคุณภาพเหมาะกับบ้านเรา
หรือการใช้ทรัพยากรที่มีอยู่ทำเกษตรกรรมอย่างคุ้มค่า
ตลอดจนแปรรูปผลิตผลทางเกษตรให้เป็นสินค้า
ที่จะนำรายได้สู่ครอบครัวหรือประเทศ
เรามีคนที่มีคุณสมบัติอย่างนี้น้อยมาก
ประเทศชั้นนำของโลกให้ความสำคัญต่อคณิตศาสตร์อย่างยิ่ง
บางประเทศพัฒนาเด็กจนสามารถมีเด็กเก่งคณิตศาสตร์ได้ถึงร้อยละ
40 เช่น สิงคโปร์ ไต้หวัน
บางประเทศถ้าเห็นว่าคณิตศาสตร์ของประเทศตนแย่ลงเพียงเล็กน้อย
ก็จะทุ่มเทให้ความสำคัญ เช่น สหรัฐอเมริกา
แต่ประเทศเรามีคนเก่งคณิตศาสตร์ตามธรรมชาติปริมาณไม่เกินร้อยละ3
โดยที่ความเก่งนั้นเมื่อเทียบกับต่างประเทศเรายังอยู่ในอันดับท้าย
ๆ เราให้ความสำคัญในด้านนี้น้อยเกินไป
ประเทศเรามีนักคณิตศาสตร์ประมาณ 30 คน
มีคนเล่าว่าเวียตนามมีถึง 600 คน
ปัจจุบันเราต้องจ้างศาตราจารย์ทางคณิตศาสตร์ชาวเวียตนาม
มาสอนในมหาวิทยาลัย
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)